เกณฑ์เข้า BSI TU มีอะไรบ้าง? เรียนอะไร? จบไปทำงานสายไหน?
top of page

เกณฑ์เข้า BSI TU มีอะไรบ้าง? เรียนอะไร? จบไปทำงานสายไหน?

Updated: Aug 18, 2023


เกณฑ์เข้า BSI TU

BSI TU เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนคงคุ้นเคยหรือรู้จักคณะนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเป็นหนึ่งในคณะดังที่การแข่งขันค่อนข้างสูงในทุก ๆ ปี สำหรับใครที่มีความสนใจทางด้านนวัตกรรม หรือการพัฒนางานบริการ คณะนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลย เพราะน้อง ๆ จะได้เรียนรู้อย่างครบถ้วนแน่นอน ถ้าหากยังไม่รู้จัก BSI TU หรือยังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับตัวเองไหม เดี๋ยวพี่แน๊ต TUTORRUS จะพาไปรู้จักคณะนี้คร่าว ๆ ว่าเรียนอะไร รวมถึงสรุปเกณฑ์ และพาไปดูอาชีพที่สามารถทำได้ด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยยยย




มาทำความรู้จักอีกคณะยอดฮิตอย่าง BSI TU หรือชื่อเต็มคือ Bachelor of Arts Program in Service Innovation ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นหลักสูตรนานาชาติหนึ่งในสาขายอดฮิตของวิทยาลัยนวัตกรรม ธรรมศาสตร์ค่า โดยคณะจะตั้งอยู่ในศูนย์ท่าพระจันทร์เลย ซึ่ง BSI TU จะเรียนเกี่ยวกับการคิดและสร้างสรรค์ในเชิงเกี่ยวกับนวัตกรรม หรือเป็นการบริหารและวางแผนเกี่ยวกับการให้บริการ เหมาะกับน้อง ๆ ที่สนใจทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมไปถึงการบริการ เช่น การโรงแรม ร้านอาหาร การจัดอีเวนท์ เป็นต้น และยังมีการเรียนพื้นฐาน Accounting และ Management อีกด้วย ฟังดูล้ำเลยใช่มั้ยคะ จบ BSI TU มีความรู้หลายด้านเลย ต้องรีบเตรียมตัวกันดี ๆ เลยน้า เพราะแต่ละปีคนสนใจเยอะระดับนึงเลยค่ะ ถ้าพลาดนิดเดียวอาจจะหลุดได้ง่าย ๆ เลย


ปี 1

ส่วนใหญ่ปี 1 เทอมแรกจะเรียนเป็นวิชาบังคับของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือที่น้อง ๆ ชอบเรียกกัน ว่า วิชา TU จะยังไม่หนักมากในเทอมนี้ แต่ในเทอมสองจะเริ่มมีเรียนเกี่ยวกับ Accounting, Marketing และวิชาคณะเข้ามาทำให้เริ่มเข้มข้นขึ้นมากกว่าเทอมแรกเยอะเลย

ปี 2

ปี 3

ปี 4



แอบกระซิบตรงนี้เลยนะคะว่า BSI TU จริง ๆ แล้วสามารถจบได้ใน 3 ปีครึ่งค่ะ ดีมาก ๆ เลย เพราะเรียนจบไวและสกิลครบแน่นอนค่า




สำหรับใครที่สงสัยว่าจบ BSI TU จะได้ทำงานสายไหน บอกเลยว่าหลายสายมาก ๆ ค่ะ เพราะมีทักษะการสร้างสรรค์การบริการ และยังมีสกิลภาษาอังกฤษติดตัว อีกทั้งยังมีความรู้ทางด้านบัญชีและการบริหารจัดการอีกด้วย แต่หลัก ๆ จะเน้นไปองค์กรที่พัฒนางานบริการต่าง ๆ หรืองานบริการทั้งบริษัทในประเทศหรือระหว่างประเทศและต่างประเทศ หรือถ้าเป็นสายราชการก็สามารถทำในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เรียกได้ว่าจบไปแล้วทำงานได้หลายอย่างมาก ๆ เลยค่า



โดยปีที่ผ่าน ๆ มา BSI TU จะใช้เกณฑ์นี้ทั้ง 3 รอบ ได้แก่ Inter Portfolio, Inter Admission 1 และ Inter Admission 2 โดยเลือกสอบภาษาอังกฤษ 1 อย่างได้ตามความถนัดน้อง ๆ เลย โดยข้อสอบแต่ละตัวก็จะมีความยากง่ายและราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยคะแนนภาษาอังกฤษที่น้อง ๆ สามารถใช้ยื่นสมัครได้ มีดังนี้ค่ะ ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับตัวไหน เดี๋ยวมาหาคำตอบไปด้วยกันนะคะ


คะแนนภาษาอังกฤษที่ต้องใช้สมัครสอบ BSI TU


โดยภาษาอังกฤษ ที่น้อง ๆ นิยมสอบกันจะเป็น TU - GET กับ IELTS ค่ะ สำหรับ TU - GET ด้วยตัวรูปแบบข้อสอบจะเหมาะกับน้อง ๆ ที่เรียนระบบไทยมากกว่า เพราะข้อสอบจะเน้นไปทาง Structure , Reading และ คำศัพท์ซึ่งข้อสอบจะคล้าย ๆ กับ TGAT เลยจะทำให้น้อง ๆ คุ้นชินกับข้อสอบมากกว่า อีกทั้งราคายังเบากว่าตัวอื่น ๆ เยอะเลย และสามารถใช้ยื่นเข้าคณะอินเตอร์ของธรรมศาสตร์ได้ทุกคณะอีกด้วย เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเข้าธรรมศาสตร์มาก ๆ ค่ะ


ในส่วนของ IELTS จะวัดหลายทักษะกว่า ทั้ง Reading, Listening, Writing และ Speaking และราคาสอบที่แพงกว่าตัวอื่น แต่ที่ IELTS ยังเป็นที่นิยมเพราะ IELTS สามารถใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศและทั่วโลก ใครที่มีความสนใจในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ด้วย IELTS ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยค่ะ




UP คะแนนภาษาอังกฤษให้ผ่าน พร้อมยื่น BSI

เตรียมตัวก่อน มีคะแนนก่อน พร้อมยื่นก่อน




นทุก ๆ รอบสิ่งที่น้อง ๆ ต้องมีเลยคือคะแนนภาษาอังกฤษและทักษะการสื่อสารค่ะ เนื่องจากในทุกรอบน้อง ๆ ต้องยื่นคะแนนภาษาอังกฤษและจะมีการสอบสัมภาษณ์ค่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างคือจำนวนการรับ , ผลการเรียน หรือการสอบข้อเขียนของคณะและผลงานเพิ่มเติมที่คณะต้องการแตกต่างกันไปในแต่ละรอบค่ะ เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่า แตกต่างกันอย่างไรแล้วควรเตรียมตัวอย่างไร ให้สอบติดแบบผ่านฉลุยยย



  1. ผลการศึกษา 1) กำลังศึกษาใน ม.6 หรือสำเร็จการศึกษา ม.6 (เด็กซิ่ว) 2) มีผลการเรียนเฉลี่ยระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า โดยเกรดเฉลี่ย (GPAX) ตั้งแต่ 3.00

  2. SOP จะเป็นการเขียน ESSAY ความยาว 1 หน้า ESSAY ค่ะ ตัวอย่างหัวข้อเช่น Why you want to apply for BSI ? ซึ่งจะวัดได้ทั้งความคิดและทักษะการเขียน ESSAY ของน้อง ๆ ในส่วนของ SOP จะมีผลในรอบ Inter Portfolio มาก

  3. Portfolio จะเป็นการยื่นคะแนนภาษาอังกฤษคู่กับ Portfolio และ SOP ซึ่ง Portfolio จะมีผลมาก ๆ ในรอบนี้ เรียกได้ว่าพอร์ตดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เนื่องจากเนื้อหาใน Portfolio จะถูกดึงไปถามในการสอบสัมภาษณ์ เนื้อหาและรูปแบบการทำพอร์ตจึงมีผลและควรจัดเรียงให้ดีค่ะ เพราะจะเป็นตัวตัดสินเลยว่าจะได้ผ่านไปสัมภาษณ์ไหม และยังมีผลกับคำถามตอนสัมภาษณ์อีกด้วย

  4. Interview น้อง ๆ จะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์หลังจากผ่านการคัดเลือกในส่วนของ Portfolio มาแล้วค่ะ คำถามมักจะมาจากข้อมูลส่วนตัวหรือกิจกรรมที่น้อง ๆ เคยทำ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคณะ หากน้อง ๆ ผ่า นมาจนถึงรอบสัมภาษณ์ แต่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ น้อง ๆ จะต้องยื่นใหม่ในรอบต่อ ๆ ไป ทางที่ดี เตรียมตัวให้ดีจะได้ไม่พลาดดีกว่า


อยากสอบติดตั้งแต่รอบแรก

ต้องเตรียม Portfolio ยังไง? มัดใจกรรมการ

เริ่มเตรียมเลยวันนี้ !




อยากสอบติด BSI รอบ Inter Portfolio แบบนี้ ต้องรีบมาติวพอร์ตกับ TUTORRUS กัน การันตีด้วยสถิติติด 100 % ทุกปี




  1. ผลการศึกษากำลังศึกษาใน ม.6 หรือสำเร็จการศึกษา ม.6 (เด็กซิ่ว) มีผลการเรียนเฉลี่ยระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า โดยเกรดเฉลี่ย (GPAX) ตั้งแต่ 2.50 ในรอบ Inter Admission 1 และ ตั้งแต่ 2.00 ในรอบ Inter Admission 2

  2. Written Exam จะเป็นข้อสอบข้อเขียนโดยตรงของทางคณะ โดยจะวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาของคณะ และทักษะการเขียน ESSAY พื้นฐาน ซึ่งก่อนจะผ่านไปสัมภาษณ์จะต้องสอบ Written Exam ให้ผ่านก่อนค่ะ โดยปกติรอบนี้จะตัดคนออกค่อนข้างเยอะถ้าเทียบกับรอบอื่น ๆ ดังนั้นต้องมั่นใจทั้งในส่วนของเนื้อหาและ ESSAY

  3. Interview ในส่วนของการสัมภาษณ์จะไม่ต่างจากรอบแรกมากค่ะ แต่เนื่องจากไม่มี Portfolio และ SOP แล้วเลยจะมีคำถามเกี่ยวกับตัวน้อง ๆ ซึ่งคำตอบของน้อง ๆ ก็อาจจะส่งผลต่อในคำถามข้อต่อ ๆ ไปค่ะ จึงควรรู้แนวทางการตอบคำถามให้ไม่พลาดรอบนี้ เพราะถ้าพลาดน้อง ๆ จะต้องยื่นคะแนนใหม่ เริ่มใหม่ ในรอบต่อไปเลย และหากถ้าเป็นรอบ Inter Admission 3 ก็จะหมดโอกาสแล้วค่ะ


พอจะเห็นภาพกันชัดขึ้นไหมคะว่ารอบไหนเหมาะกับตัวเอง ถ้าเห็นแล้ววางแผนการเตรียมตัวและลุยกันเลย จะได้ไม่พลาดสอบติดตั้งแต่แรก ๆ ค่ะ




อยากสอบติด BSI TU ต้องวางแผนกับ TUTORRUS

สถิติติดจริงทุกปี การันตีด้วยรีวิวจากน้อง ๆ และประสบการณ์สอนกว่า 15 ปี

อีกทั้งแนวข้อสอบเพียบบ










bottom of page