สมัครสอบ TU-GET/ TU-GET คืออะไร?
- TUTORRUS
- Feb 24, 2020
- 1 min read
Updated: Dec 22, 2021
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ การสอบ TU-GET แต่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า สอบ TU-GET คืออะไร
ใน Blog นี้ TUTORRUS จะมาสรุปรายละเอียดการสอบแบบเข้าใจง่ายให้ทุกคนนะคะ
เอาไปทำอะไรได้?
ยื่นเข้ามหา'ลัยทั้ง ปริญญาตรี-โท-เอก
ยื่นในรอบ Portfolio ประกอบการสอบสัมภาษณ์ต่าง ๆ
ยื่นขอทุน/ สมัครงาน

TU-GET คืออะไร?
ข้อสอบ TU-GET เป็นข้อสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยแบ่งการสอบออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
TU-GET (PBT)
TU-GET (CBT)
สอบ TU-GET ทำไม? คะแนนTU-GET ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
1. ใช้สำหรับศึกษาต่อทั้งระดับปริญญาตรี-โท-เอก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่รองรับ
2. ใช้ยื่นในการสมัครสอบรอบ Portfolio (TCAS รอบ 1 พอร์ตโฟลิโอ)
3. ใช้สำหรับยื่นเรียนจบตามเกณฑ์ที่คณะต่าง ๆ ระบุ
4. หากมีคะแนน TU-GET สามารถยื่นคะแนนเทียบ เพื่อ Exempt คือ ได้รับการยกเว้นการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยได้
5. ใช้สำหรับสมัครงาน ฯลฯ
ข้อสอบ TU-GET ยากไหม?
ข้อสอบ TU-GET เป็นข้อสอบมาตรฐานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับวัดความรู้วิชาภาษาอังกฤษ ดังนั้นข้อสอบ TU-GET จึงไม่ได้ง่าย มีความยากในระดับหนึ่งเลย เนื่องจากต้องใช้วัดความสามารถของบุคคลที่ต้องการเข้าศึกษาต่อ
TU-GET Tips: ความยากของข้อสอบ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน หากพื้นฐานไม่ค่อยดี เกณฑ์ขั้นต่ำในการรับปกติที่ 500 คะแนน ยังถือว่ายาก ยิ่งหากใครที่ต้องการผ่านเกณฑ์ 550 คะแนน ควรจะมีเทคนิคในการทำสอบเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้คะแนนตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้น - ดูเทคนิคทำข้อสอบได้ท้าย Blog
เตรียมตัวสอบ TU-GET อย่างไรดี
เนื่องจากข้อสอบไม่ได้ง่าย มีความยากตามมาตรฐานธรรมศาสตร์ ดังนั้นการเตรียมตัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สิ่งที่ควรทำในการเตรียมสอบ TU-GET เบื้องต้นมีดังนี้
ศึกษาเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของคณะที่ต้องการสอบเข้า ว่าต้องการคะแนน Minimum Score ที่เท่าไร เช่น 500/550 คะแนน
ดูดี ๆ ว่าคณะที่ต้องการ รับคะแนนสอบ TU-GET PBT หรือ CBT (TU-GET 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร คลิก)
ทำความเข้าใจว่าการสอบ TU-GET แบบนั้น ๆ ต้องฝึก Skill ไหนเป็นพิเศษ เพราะการสอบแบบ PBT และ CBT แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง (TU-GET 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร คลิก)
ทบทวนความรู้ภาษาอังกฤษ หากฝึกทำด้วยตัวเอง Step 1: ฝึกทำโจทย์ต่าง ๆ ***ความรู้ขั้นต่ำที่ต้องเตรียมตัว คือพื้นฐาน Grammar เรื่อง Tense ต่าง ๆ ควรจะเข้าใจ และคำศัพท์ต่าง ๆ (ดูคำศัพท์ TU-GET ที่ออกสอบ คลิก) Step 2: วิเคราะห์จุดอ่อนตัวเองในการทำข้อสอบ และหาทางแก้ให้ตรงจุด จะได้ไม่เสียเวลาในการฝึกฝน Step 3: หาเทคนิคในการทำข้อสอบ เพราะข้อสอบที่ออกมีหลากหลาย ควรจะจับ Direction ในการทำข้อสอบให้ได้ เพื่อให้ได้คะแนนดีตามเป้าหมายทุกครั้งที่สอบ หากตัดสินใจเรียนพิเศษ Step 1: ควรเลือกเรียนให้ตรงกับความรู้ เช่น ถ้าอ่อน Grammar ควรปรับพื้นฐานในคอร์ส Grammar มาก่อน แต่ถ้าหากมีพื้นฐานระดับหนึ่งแล้ว แนะนำว่าเรียนคอร์สตะลุยข้อสอบได้เลย เพื่อให้ Focus ได้ตรงจุดมากขึ้น Step 2: ชั่วโมงเรียนติวเยอะ ไม่ได้ดีเสมอไป สิ่งสำคัญในการเรียนพิเศษ คือเติมเต็มในส่วนที่ความรู้ของเรายังขาดหายไป การเลือกเรียนโดยเน้นชั่วโมงเยอะ ๆ เพื่อความคุ้มค่าเป็นหลัก อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในการเพิ่มคะแนน และมีแต่น้ำในการเรียน สาระและเทคนิคอาจจะมีสรุปมาให้ไม่เพียงพอ Step 3: สิ่งที่ต้องมองหา อย่าลืมว่าต้องเน้นเทคนิคในการทำข้อสอบ และฝึกฝนเองเพิ่มเติมควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เลือกเรียนพิเศษที่ให้เนื้อ ๆ ในการเรียน ไม่เสียเวลาเราในการเรียน แต่ได้เทคนิคกลับมาเต็ม ๆ เพื่อฝึกฝนต่อ Step 4: อย่าลืม! ดูรีวิวจากผู้เรียนจริงประกอบ สำคัญมาก ต้องมีรีวิวคะแนนสอบจากผู้สอบผ่านจริงด้วยนะคะ
ความต่างของข้อสอบ TU-GET PBT และ CBT)
TUTORRUS ได้รวบรวมความต่าง 6 ข้อ ของการสอบ TU-GET PBT และ CBT
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
คำแนะนำ สำหรับคนที่"อยากสอบ TU-GET ผ่าน"
TUTORRUS เปิดรับ ติว TU-GET เพิ่มตามคำเรียกร้อง (รับจำนวนจำกัด)
เจาะเทคนิคทำข้อสอบ TU-GET พร้อมตะลุยแนวข้อสอบจริง
รีวิวเพียบ! ที่แรกและที่เดียวที่กล้ายืนยันด้วยรีวิวจริง สอบติดจริง
ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี - ปริญญาเอก
สามารถเลือกเรียนได้ทั้งรูปแบบสอนสด/ Live สด/ เรียน Online ตามสะดวก รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

"ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ พร้อมสอบภายในเดือนนั้นเลย"
สอนโดยติวเตอร์เกียรตินิยมอันดับ 1จากจุฬาฯและปริญญาโทจาก Imperial College London มหา'ลัย Top 3 ของ UK และ Top 8 ของโลก
ประสบการณ์สอนกว่า 11 ปี เน้นเทคนิคเด็ด สำหรับทำข้อสอบ
รีวิวนักเรียนสอบผ่านเพียบ!
บทความที่เกี่ยวข้อง
コメント